การทำ SEO ให้เว็บติดอันดับ 1 บน Google ด้วยเงิน 0 บาท | ไอทีแม่บ้าน

โดย: การทำ SEO ให้เว็บติดอันดับ 1 บน Google ด้วยเงิน 0 บาท [IP: 58.8.189.xxx]
เมื่อ: 2017-10-24 22:10:17
การทำ SEO ให้เว็บติดอันดับ 1 บน Google เคล็บลับการทำให้เว็บไซต์ ติดหน้าแรก Google นั้น อันที่จริง ทำได้ไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลา ที่สำคัญ ต้องทำเองเท่านั้น ห้ามจ้าง ห้ามจ่าย เขียนจากประสบการณ์ รีบอ่านเลยค่ะ !



1. ใครยังไม่มีเว็บไซต์ให้เริ่มต้นทำเว็บไซต์ได้แล้ว เพราะอายุของโดเมน Domain มีผลกับเว็บไซต์มากมาย เว็บไซต์ที่จดทะเบียนนานแล้ว จะได้เปรียบเว็บไซต์ของคู่แข่งที่พึ่งจดนะคะ (จดนานแล้ว - ดี)



2. ก่อนจดโดนเมน Domain เช่น www.ไอทีแม่บ้าน.coom ควรมี keyword (คำค้นหา) ในชื่อโดเมน กูเกิลอาจจะค้นหาเว็บไซต์ของเราเจอกว่าเว็บไซต์ที่ไม่มีโดนเมน หรือ Keyword



3. มืออาชีพแนะนำว่าเว็บไซต์ที่จดควรมี keyword เป็นคำแรกในโดเมน Domain



4. ถ้าหากโดเมนของคุณไกล้หมดอายุ ควรรีบต่ออายุ อย่าปล่อยให้โดเมนของคุณหมดอายุก่อนนะคะ เพราะเว็บไซต์อาจหายไปจากการจัดอันดับกูเกิล Google (เหลือมาก - ดี)



5. ถ้าหากเว็บไซต์มีซัพโดเมนก็ควรมีมี keyword ในชื่อซับโดเมน Subdomain ด้วยเช่นกัน



6. ไม่ควรซื้อเวบไซต์ต่อเพราะประวัติของโดเมนมีผล เว็บไซต์เก่าอาจทำผิดกฎของกูเกิล เราซื้อมาก็อาจจะทำใหเสียตังฟรีๆ เลย (หากเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองบ่อย - ไม่ดี)



7. keyword คือหัวใจหลักของการทำตลาดออนไลน์ เราควรมี Keyword ของธุรกิจของเรา ให้ตรงกับชื่อโดเมนทั้งหมด



8. เว็บไซต์ที่มีข้อมูลเปิดเผยข้อมูลใน Whois บางเว็บไม่เปิดเผย จะมีผลต่อการค้นหาบนระบบ Google



9. ชื่อของเว็บไซต์ไม่เคยทำผิดกฎ เช่น หากเราซื้อเว็บต่อจากคนอื่น เจ้าของเว็บเก่าอาจจะเคยทำผิดกฎกูเกิลมาก่อน เช่นเคยจ้างคนปั่นเว็บแบบสายดำ สายเทา ง่ายๆ คือ ผู้ถือครองใน whois ไม่เป็นผู้ที่ทำผิดข้อบังคับ google



10. สำคัญมาก หลายๆ คนชอบใช้ .com เพราะดูอินเตอร์ดี แต่หากอยากให้ลูกค้าในไทยค้นหาเจอ เราควรใช้ นามสกุล .co.th (ดีกว่า .com)



11. เวลาเขียนหัวข้อควรมีมี Keyword อยู่ในหัวข้อด้วย



12. มี keyword ใน Title Tag Title ที่จะเพิ่ม Traffic ได้ดี อาจเพิ่มคำเหล่านี้ เช่น สุดยอด, รีวิว, วิธีการ, ในปี 2559, 10 [ใส่ตัวเลขนำหน้าประมาณ Top 10] เป็นต้น



13. มี Keyword ใน Meta Description



14. keyword เป็นคำแรกใน Title Tag



15. มีการใช้คำ keyword นั้นซ้ำมากกว่าคำอื่นๆในหน้านั้น (เทียบคำต่อคำ)



16. มีเนื้อหาข้อความมากพอสมควร (1,000+ คำ)



17. มีความหนาแน่นของ keyword ในหน้า (เทียบคำต่อทั้งหมด)



18. LSI (Latent semantic indexing keyword) ในบทความไม่ควรเน้นแต่คำที่ต้องการ แต่ควรเน้นคำที่เป็น LSI ด้วย คือ keyword ที่ใกล้เคียงหรือเกี่ยวข้องกัน



19. LSI ในหัวข้อ และ meta description

มีคำที่เกี่ยวเนื่อง/เกี่ยวข้องใน Title และ Description Tag



20.โหลดเว็บได้อย่างรวดเร็ว



20. ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ ช่วยส่งผลต่อการจัดอันดับ ยิ่งไฟล์เล็ก โหลดได้เร็ว จะยิ่งมีผลดี



21. ไม่ควรมีเนื้อหา/บทความที่ซ้ำกัน

บทความที่ซ้ำกัน จะส่งผลเสียต่อการจัดอันดับ



22. ใช้ Rel=Canonical เพื่อบ่งบอกหน้าที่ซ้ำกัน

การใช้ rel=canonical อย่างเหมาะสม จะทำให้ google รู้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจทำบทความซ้ำกัน



23. โหลดเว็บด้วย Chrome ได้อย่างรวดเร็ว

ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บผ่าน browser chrome เป็นที่รู้กันว่า chrome เป็นของ google อะไรที่ chrome ไม่ปลื้ม google ก็ไม่ชอบตามไปด้วย



24. ใส่ข้อมูลให้รูปภาพทั้ง ชื่อไฟล์, Alt Text, Title Description และ Caption

การทำ seo ให้กับรูปภาพ ไม่ว่าจะเป็นชื่อรูป alt text, title, description, caption ของรูป



25. ความสดใหม่ของเนื้อหา/บทความ (ยิ่งใหม่ - ยิ่งดี)

ความสดใหม่ของบทความ เป็นสิ่งที่ caffeine algorithm ใช้ในการจัดอันดับ เพราะ google เชื่อว่า บทความที่เขียนไว้นาน ๆ อาจล้าสมัยไปแล้ว จึงสร้าง caffeine ขึ้นมาเพื่อให้บทความที่ใหม่กว่าซึ่งอาจจะมีข้อความที่มีข้อมูลที่ทันสมัยกว่า ได้อันดับที่ดีกว่า



26. มีการปรับปรุงแก้ไขเนื้อหา/บทความ

การแก้ไขบทความ ทำให้ google รู้ว่าบทความนี้เปลี่ยนไป มีความสดใหม่กว่าบทความเก่า จะได้อันดับที่ดีขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นควรเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นการเขียนข้อความใหม่เพิ่มเข้ามา มากกว่าการเปลี่ยนแค่คำไม่กี่คำ

27. ความถี่ในการแก้ไขเนื้อหา/บทความ (ยิ่งถี่ - ยิ่งดี

ความถี่ในการแก้ไขบทความ ยิ่งบทความเปลี่ยนบ่อย google ยิ่งรับรู้ถึงความสดใหม่ของบทความ



28. มี keyword อยู่ใน 100 คำแรกของหน้า

การมีคำที่ต้องการปรากฎอยู่ใน คำ 100 คำแรกจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้การจัดอันดับของ google ให้ดีขึ้น



29. มี keyword ใน H2, H3 Tag



30. การเรียงคำ ตรงกับ keyword



31. มี Link ออกไปยังเว็บที่มีคุณภาพบ้าง อย่าหวังแต่ Link เข้าอย่างเดียว



32. การสร้างเนื้อหาของของเว็บที่ลิงก์ Link วิ่งออกไปยังเว็บอื่นๆ



33. การสะกดคำที่ถูกต้องและถูกไวยกรณ์



34. ห้ามก็อปปี้ใครมาเนื้อหา/บทความที่เขียนขึ้นเองใหม่ (ไม่ได้คัดลอกมา)



35. มีเนื้อหาที่มีคุณภาพ มีประโยชน์ จะช่วยให้เว็บของเรามีคุณภาพ มีวิธีง่ายๆที่ทำให้เนื้อหา/บทความของหน้าเพจมีคุณภาพ 1. มีคำมากกว่า 1,000 คำมีรูปภาพ, infographic, วิดีโอประกอบ 3. ทำเป็นหัวข้อและลิสต์รายการ,บทความเสริม



36. บางคนสร้างเว็บขึ้นมาเพื่อขายพื้้นที่ Banner และทำลิงก์ออกจากเว็บ จำนวน Link ออกมากเกินไปก็ไม่ดี



37. มีรูปภาพ วิดีโอ และมัลติมีเดียอื่นๆ เว็บที่ติดอันดับ 1-10 ของ Google จะมีรูปภาพในเว็บ (ที่เกี่ยวกับเนื้อหา) อย่างน้อย 1 รูปเสมอ และยิ่งมีรูปและวิดีโอมากเท่าไหร่ จะยิ่งทำให้ผู้เข้าชมอยู่กับเว็บนานขึ้น



38. มี Link ภายในเว็บที่วิ่งเข้ามาหาหน้านั้น ทำ (On Page)



39. คุณภาพของเนื้อหาของหน้าที่มีลิงก์ภายในวิ่งเข้ามา (On Page)



40. บางท่านสร้างหน้าไม่เสร็จ เว็บของคุณก็จะมีหน้าที่เสีย ไม่ควรมีลิงก์เสีย (ลิงก์ไปยังหน้าที่ไม่มีอยู่จริง)



41. มีความง่ายในการอ่าน เช่นการจัดหน้าให้สวย ทำตัวหนังสือให้สวย อ่านง่าย สบายตา



42. บางคนทำเว็บเพื่อหารายได้จาก Affiliate ไม่ควรมี Link ที่เป็น Affiliate มากเกินไป



43. ไม่ควรมี HTML error คุณสามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณได้จาก Google Search Console



44. มีโดเมนที่น่าเชื่อถือ (Domain Authority - DA) หน้าเว็บของโดเมนที่มี authority มากกว่าย่อมดีกว่าเว็บที่มีค่าน้อยกว่า



45. มีค่า Page Rank (PR) สูง PR สูงเกิดจากมีลิงก์เข้ามาเป็นจำนวนมาก, แต่ละหน้ามีค่า PR ไม่เท่ากัน เราควรหาลิงก์จากเว็บที่มี PR สูง ที่เรียกว่า ลิงก์คุณภาพเท่านั้น อย่าเอาลิงก์ขยะเข้าเว็บนะคะ



46. URL ไม่ควรยาวจนเกินไป ปกติแล้วลิงก์ของ ไอทีแม่บ้าน ที่แสดงยาวเนื่องจากเป็นโค้ดของภาษาไทย ซึ่งมีผลดีมากกว่า (มีโอกาสตรงกับ keyword) URL ที่ยาวเกินไปอาจมีผลกับการค้น Google



47. URL ยิ่งใกล้โดเมนยิ่งดี

ที่อยู่ URL หรือ URL path ยิ่งหน้านั้นอยู่ใกล้กับหน้าแรกเว็บก็ย่อมได้ authority มากกว่าหน้าอื่น



48. เนื้อหาเขียนด้วยคน (ไม่ใช้โปรแกรมอัตโนมัติ) ห้ามใช้โปรแกรมในการเขียนเว็บ ควรเขียนเว็บด้วยตัวเอง เนื้อหาของเราเอง ผลงานของเราเองเท่านั้น



49. ความเกี่ยวข้องกันกับหน้าหมวดหมู่

หน้าหมวดหมู่ เป็นสิ่งที่รวบรวมหน้าที่มีเนื้อหาคล้ายกันเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้อันดับหน้าที่อยู่ในหน้าหมวดหมู่ดีขึ้นในคำนั้น



50. ใช้ Tag หรือป้ายกำกับ จะส่งผลดี (แต่ไม่ควรมีมากเกินไป)



51. มี keywords ใน URL จะได้เปรียบ เวลาตั้งค่า URL ควรคิดเรื่อง Keyword ก่อน



52. URL ที่สามารถอ่านได้ และมีลำดับชั้น เช่นกดเข้าไปดูเมนูอื่นๆ ได้



53. หากเราเขียนอ้างอิง และมีแหล่งที่มา เราควร มี Reference และที่มา (หากมี)



54. ใช้ bullet หรือ ลำดับรายการ เช่น 1.2.3.4.5. กูเกิลชอบบทความที่ลำดับหรือตัวเลข



55. ลำดับความสำคัญใน Sitemap



56. หากมีลิงก์ออกมากจะถูกหาว่า Spam จะมีผลเสียต่อการจัดอันดับ



57. มี PR ของคำต่างๆ หลายคำในหน้านั้น จะส่งผลให้ Google มองว่าเป็นหน้าที่มีคุณภาพ



58. อัพเดทหน้าบ่อยๆ อายุของหน้านั้นๆ หน้าใหม่ดีกว่าหน้าเก่า แต่หน้าเก่าที่อัพเดทใหม่ดีกว่าหน้าใหม่ (การอัพเดทนั้นหมายถึงการเพิ่มเนื้อหาอย่างน้อย 1 ย่อหน้า)



59. มีการจัดวางเนื้อหาเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน เน้นอ่านง่าย สบายตา



60.ไม่ใช่โดเมนที่ว่างอยู่ (Parked Domain)



61เนื้อหาที่เป็นประโยชน์กับผู้เข้าชม เนื้อหาที่มีคุณภาพ อาจไม่มีประโยชน์กับผู้เข้าชมก็ได้ ดังนั้นต้องทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกว่ามีประโยชน์มากที่สุด คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์ได้จากการทำหน้าเนื้อหา "... คืออะไร", "... ใช้ยังไง", "วิธี ..." เป็นต้น



62. มีเนื้อหาที่มีคุณค่าและแตกต่าง สร้างหน้าเว็บที่มีข้อมูลเชิงลึกและมีประโยชน์กับผู้เช้าชมแทน



63. มีหน้าสำหรับติดต่อ (หน้าติดต่อเรา) Google จะได้รู้ว่า ลูกค้าสามารถติดต่อใครได้ ธุรกิจนั้นมีอยู่จริงไม่หลอกลวง



64.บทความที่มีสาระและไม่ซ้ำใคร google นั้นลงโทษเว็บที่มีบทความซ้ำ ๆ หรือบทความน้อยแต่มี link ออกมากเกินไป บางคนสร้างเว็บมาเพื่อหลอกกูเกิลไปยังเว็บไซต์อื่น



65. หน้าติดต่อเรา เป็นสิ่งหนึ่งที่เว็บควรมี เพราะ google ชอบเว็บที่มีข้อมูลให้ติดต่อได้ และถ้าข้อมูลตรงกับ whois ก็อาจช่วยมากขึ้น



64.มี Domain Trust / TrustRank สูง คิดจากอีกหลายปัจจัย โดยเน้นที่การมี link จากเว็บที่มีคุณภาพสูงจำนวนมาก

trustrank หรือ domain trust จำนวน link ที่เว็บคุณได้จากเว็บอื่น โดยเฉพาะเว็บที่มี trustrank สูงหรือเว็บที่ google เรียกว่า seed sites



65. มีโครงสร้าง HTML ของเว็บที่ดี

โครงสร้างเว็บไซต์ ช่วย google จัดการกับบทความในเว็บคุณได้เป็นอย่างดี



66. มีการปรับปรุงแก้ไขเว็บอยู่เสมอ

การอัปเดตเว็บบ่อย ๆ โดยเฉพาะถ้าเป็นเนื้อหาที่ไม่ซ้ำใคร



67. มีจำนวนหน้าเว็บเยอะ จำนวนหน้าเว็บ เว็บที่มีจำนวนหน้าเยอะ ทำให้ google มองว่าเป็นเว็บคุณภาพ



68. มี Sitemap ของเว็บ

การมีไฟล์ sitemap ไฟล์นี้ช่วยให้ search engines รู้จักเว็บไซต์คุณดีขึ้น



69. เว็บมี Uptime สูง เปิดหน้าเว็บเร็ว ไม่ต้องรอนาน

site uptime การที่เว็บ down นั้นส่งผลเสียต่อการจัดอันดับเว็บคุณ



70. ที่ตั้งเซิฟเวอร์ หากค้นหาคำไทย ที่ตั้งในไทยจะดีกว่า

ที่อยู่ของเซิฟเวอร์ : ที่อยู่ของเซิฟเวอร์อาจจะมีผลทำให้เว็บของคุณมีอันดับต่างกันไปในแต่ละประเทศได้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นการค้นหาแบบเจาะจงพื้นที่



71. มีการใช้งาน SSL (https://)

SSL Certificate (สำหรับเว็บอีคอมเมิร์ซ) กูเกิ้ลยืนยันว่าพวกเขาทำการเก็บข้อมูล SSL certificate ด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลนึงว่า google อาจจะจัดอันดับเว็บอีคอมเมิร์ซที่มี SSL certificates สูงกว่าเว็บอื่น ๆ



72. มีหน้าข้อตกลงการใช้งาน และนโยบายความเป็นส่วนตัว

เงื่อนไขการให้บริการและหน้าส่วนตัว สองหน้านี้จะช่วยบอก google ว่าเว็บไซต์นี้เป็นเว็บที่มีความน่าเชื่อถือในโลกออนไลน์



73. ข้อมูลใน Mete Tag ต้องไม่ซ้ำกัน

เนื้อหาที่ซ้ำกันบนเว็บ: หน้าที่ซ้ำซ้อนและ meta information ที่เหมือนกันทุกหน้าในเว็บอาจจะทำให้เว็บไซต์ของคุณอันดับต่ำลง



74. มีเมนูแบบ Breadcrumb

เมนูแบบ Breadcrumb เป็นเมนูที่ช่วยให้ผู้เยี่ยมชม รวมไปถึง search engines รู้ว่าตอนนี้หน้าที่พวกเขาอยู่นั้นอยู่ตรงส่วนไหนของเว็บ ซึ่งบางเว็บไซต์อ้างว่ามันช่วยในเรื่องการจัดอันดับด้วย



75. รองรับกับอุปกรณ์มือถือ (Mobile Site)

การออกแบบให้รองรับอุปกรณ์มือถือ การออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับอุปกรณ์มือถือต่าง ๆ (responsive website) จะช่วยให้ติดอันดับที่ดีในการค้นหาโดยใช้อุปกรณ์มือถือ



76. ใช้ Youtube ในการอัพโหลดวิดีโอ

Youtube แน่นอนว่าวีดีโอเว็บ youtube สามารถทำอันดับใน google ได้ดี เหตุผลง่าย ๆ ก็แค่เจ้าของเดียวกัน



77. การใช้งานเว็บที่ง่าย

เว็บไซต์ที่ยากต่อการใช้งาน หรือดูหน้าเว็บ จะทำให้อันดับแย่ลงเนื่องจากผู้เยี่ยมชมใช้เวลาบนเว็บไซต์น้อยกว่าเว็บทั่วไป รวมดูจำนวนหน้าที่ดูน้อยกว่า การกลับเข้ามาดูอีกครั้งที่ต่ำ



78. ใช้ Google Analytic และ Google Webmaster Tools

การใช้ google analytics และ google webmaster tools หลายคนมีความเชื่อว่าถ้ามีการติดตั้งสองโปรแกรมนี้บนเว็บจะช่วยเรื่องการเก็บข้อมูล และส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับเนื่องจากได้ให้ข้อมูลของเว็บคุณตามที่ google ต้องการ



79. มีการรีวิวจากผู้ใช้งานบนเว็บรีวิวที่มีชื่อเสียง

คำวิจารณ์จากผู้เยี่ยมชม/ชื่อเสียงของเว็บไซต์ คำวิจารณ์บนเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ จะส่งผลต่อการจัดอันดับ ซึ่งเราได้เห็นความพยายามจะใช้สิ่งนี้เข้ามาร่วมจัดอันดับหลายครั้ง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถให้คะแนนเว็บเพื่อลดปัญหาการสร้าง link ที่เน้นเรื่อง seo มากกว่าเป็น link ตามธรรมชาติ



80. มีลิงก์มาจากเว็บที่มีอายุนาน

ลิงก์จากเว็บที่มีอายุเก่าแก่ให้ผลดีมากกว่าลิงก์จากเว็บใหม่ ๆ



81. จำนวนลิงก์ที่มาจากหน้าหลักของเว็บ



82. จำนวนลิงก์ที่ลิงก์ไปที่หน้าหลักของเว็บ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับของ google



83. มีลิงก์มาจากเว็บที่มีที่ตั้งเซิฟเวอร์และ IP ต่างกัน



84. จำนวนของลิงก์ที่ได้จากเว็บที่มี IP class C แตกต่างกัน ยิ่งหลากหลายเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีกับเว็บคุณ



85. จำนวนลิงก์ที่วิ่งเข้ามา

จำนวนลิงก์จากหน้าต่าง ๆ แม้ว่าจะเป็นหลาย ๆ หน้าในเว็บเดียวกัน แต่จำนวนที่ลิงก์มาก็ส่งผลต่อการจัดอันดับ



86. Alt text ของรูปที่มีลิงก์กลับ Alt Tag สำหรับ ลิงก์รูปภาพ อย่าลืมใส่ให้กับรูปภาพในเว็บคุณ



87. มีลิงก์มาจากเว็บที่เป็นโดเมน .edu, .gov, .go.th, .ac.th

ลิงก์จากเว็บ .edu หรือ .gov แม้ว่า Matt Cutts เองจะบอกว่า ลิงก์จากเว็บพวกนี้ไม่ได้สำคัญกว่าลิงก์จากเว็บทั่ว ๆ ไป แต่หลายคนไม่เชื่อ และมั่นใจว่าการได้ลิงก์จากเว็บ .edu และ .gov ส่งผลดีกว่าลิงก์จากเว็บทั่วไปแน่ ๆ



88. PageRank (PR) ของเว็บที่มีลิงก์กลับ

pagerank ของหน้าที่ทำลิงก์มาหาเว็บคุณ ยิ่งสูงยิ่งดี



89. Domain Authority (DR) ของเว็บที่มีลิงก์กลับ

ค่า authority ของเว็บที่ทำลิงก์มาหาเว็บคุณ เช่นการได้ลิงก์จากหน้าเว็บ pr2 เหมือนกัน แต่หน้าหลักเว็บแรก pr3 ในขณะที่เว็บที่สองหน้าหลัก pr8 การได้ลิงก์จากเว็บที่สองย่อมได้ผลดีกว่า



90. มีลิงก์จากเว็บที่เป็นคู่แข่ง

ลิงก์จากเว็บคู่แข่ง ลิงก์จากหน้าเว็บที่อยู่ในหน้าผลการจัดอันดับในคำเดียวกัน ย่อมส่งผลดีกับเว็บคุณในคำนั้น ๆ



91. มีการแชร์บน Social (Post แบบมีลิงก์กลับ) การแชร์ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ยิ่งจำนวนมากยิ่งส่งผลกับหน้านั้น ๆ เช่น Facebook, Line, Google, YouTube, Twitter, Instagram, Blog



92. ห้ามมีลิงก์ที่มาจากเว็บต้องห้ามต่างๆ เช่น เว็บโป้ เว็บเปลือย เว็บการพนัน

link จากเว็บไซต์ที่ไม่พึงประสงค์ เว็บต้องห้ามต่าง ๆ จะส่งผลเสียกับเว็บไซต์คุณ



93. ลิงก์ที่มาจาก Guest Post ได้คะแนนน้อย

การเขียนจากบุคคลภายนอก ลิงก์ที่ได้นั้นส่วนใหญ่จะได้ในส่วนของผู้เขียนข้อความนั้น ซึ่งถือว่ามีค่า



94.น้อยกว่าลิงก์ในบทความ

มีลิงก์ไปยังหน้าหลักของโดเมนที่มีลิงก์กลับมาหา



95. ลิงก์ไปที่หน้าแรกของเว็บของหน้าใน การมีลิงก์ไปที่หน้าหลักบนหน้ารอง ๆ ของเว็บจะช่วยส่งผลต่อการจัดอันดับ



96. ได้ Nofollow Links ก็ยังดีกว่าไม่มีลิงก์กลับ

Nofollow links หนึ่งในหัวข้อที่ถูกพูดถึงบ่อยหัวข้อหนึ่งเมื่อพูดถึง SEO ซึ่ง google เองก็ได้บอกอย่างง่าย ๆ ว่า โดยทั่วไปแล้ว เราไม่ให้ความสนใจกับ nofollow link ซึ่งคำว่า “โดยทั่วไป” คือในกรณีปกติ ซึ่งหมายถึงมีกรณีที่นอกเหนือจากปกติและ google สนใจ ดังนั้นการได้ nofollow link ก็ดีกว่าไม่ได้เลย

มีความหลากหลายของเว็บที่มีลิงก์กลับ



97. ความหลากหลายของลิงก์ การมีลิงก์ที่ไม่เป็นธรรมชาติจำนวนมากนั้น สามารถดูได้ง่าย ๆ เช่น ลิงก์ส่วนใหญ่มาจากแหล่งคล้าย ๆ กัน เช่น ลิงก์จากประวัติส่วนตัวในฟอรั่มหรือเว็บบอร์ด ลิงก์จากการเขียนความเห็นในบล็อก ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการแสปม แต่ในอีกนัยนึงการได้ลิงก์ที่หลากหลายก็เป็นสัญญาณว่าเป็นลิงก์ที่เป็นคุณภาพ



98. ลิงก์กลับที่มีคำใกล้ๆ อย่างเช่น ผู้สนับสนุน จะได้คะแนนน้อย

ลิงก์ผู้สนับสนุนหรือลิงก์จากคำที่มีความหมายคล้าย ๆ กัน จะลดค่าของลิงก์นั้น

ลิงก์กลับนั้นอยู่ในเนื้อหา ดีกว่าลิงก์ที่อยู่นอกเนื้อหา



99. ลิงก์ในเนื้อหาบทความ ส่งผลดีมากกว่า ลิงก์ที่อยู่บนหน้าว่าง ๆ หรือลิงก์ที่เจอในส่วนอื่นของหน้า



100. ไม่ควรมีลิงก์กลับที่มาแบบหลอกที่มา



101. ข้อความในลิงก์กลับ (ที่มาจากเว็บอื่น)



102. ข้อความในลิงก์กลับ (ที่มาจากในเว็บตนเอง)



103. ข้อความใน Title ของลิงก์

หัวข้อลิงก์ ข้อความที่ปรากฎขึ้นเมื่อคุณลากเม้าส์ไปเหนือลิงก์นั้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการจัดอันดับ

ลิงก์กลับมาจากเว็บ .th



104. การได้ลิงก์พวกโดเมน ดอทต่าง ๆ ที่เป็นชื่อประเทศ เช่น .th , .co.uk, .de จะช่วยให้เว็บของคุณทำอันดับได้ดีในประเทศนั้น ๆ



106. ลิงก์กลับอยู่ในส่วนเนื้อหา ไม่ควรอยู่โดดๆ

ลิงก์ที่อยู่ในบทความ: ลิงก์ที่อยู่ในส่วนของบทความจะมีน้ำหนักมากกว่า ลิงก์ที่อยู่ตอนท้ายของบทความ



107. ที่อยู่ของลิงก์ในหน้า

การได้ลิงก์พวกโดเมน ดอทต่าง ๆ ที่เป็นชื่อประเทศ เช่น .th , .co.uk, .de จะช่วยให้เว็บของคุณทำอันดับได้ดีในประเทศนั้น ๆ



108.ลิงก์กลับอยู่ในส่วนต้นของหน้า

ที่อยู่ของลิงก์ในหน้า นั้นเป็นจุดสำคัญอย่างหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วลิงก์ในบทความของหน้านั้นจะมีพลังมากกว่าลิงก์ที่ด้านข้างหรือด้านล่างของเว็บ



109. ลิงก์กลับจากโดเมนที่เกี่ยวข้องกัน (ยิ่งเฉพาะมาก ยิ่งดี)

การได้ลิงก์จากเว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน ยิ่งเป็นเว็บที่เฉพาะเจาะจง ยิ่งได้พลังจากเว็บเหล่านั้นมากกว่าได้ลิงกืจากเว็บที่ไม่เกี่ยวข้องกัน



110. ลิงก์กลับจากหน้าที่เกี่ยวข้องกัน (ยิ่งเกี่ยวกัน ยิ่งดี)



101. ระดับความเกี่ยวข้องของหน้า hilltop algorithm บอกว่าลิงก์จากหน้าที่ใกล้เคียงกับบทความหน้าจะมีพลังมากกว่าได้ลิงก์จากหน้าที่ไม่เกี่ยวข้อง



102. ข้อความรอบๆ ลิงก์กลับควรเป็นคำชม



103.ข้อความรอบ ๆ ลิงก์ google อาจใช้ข้อความรอบ ๆ ลิงก์นั้นเพื่อตัดสินว่าลิงก์นั้นเป็นอย่างไร เพราะข้อความการเป็นคำแนะนำเว็บคุณ หรือเป็นการวิจารณ์เว็บคุณในแง่ร้าย ลิงก์ที่มีข้อความรอบ ๆ เป็นข้อความที่ดีย่อมส่งผลดีมากกว่า



104. มี keyword ใน Title ของลิงก์กลับ



105.คำที่ปรากฎรอบ ๆ: คำที่ปรากฎรอบ ๆ backlinks ของคุณจะช่วยให้ Google รู้ว่าหน้าเว็บคุณเกี่ยวกับอะไร



106. มีจำนวนเว็บที่มีลิงก์กลับมากขึ้นเรื่อยๆ



107. ไม่ควรมีจำนวนเว็บที่มีลิงก์กลับน้อยลง



108. มีลิงก์จาก Hub ที่น่าเชื่อถือ



109. มีลิงก์จากเว็บที่ได้รับรองจาก Google



110.มีลิงก์จาก Wikipedia



111. การได้ลิงก์จากแหล่งอ้างอิงใน Wikipedia : แม้ว่าลิงก์เหล่านั้นจะเป็น nofollow แต่หลายคนก็คิดว่าการได้ลิงก์จาก Wikipedia จะช่วยเพิ่ม trust และ authority ให้กับเว็บคุณในการจัดอันดับของ search engines.



112. ข้อความที่ติดกันเลยกับข้อความลิงก์กลับ



113.

ลิงก์จากหน้าเว็บท่า การได้ลิงก์จากหน้าเว็บที่ google มองว่าเป็นเว็บข้อมูลชั้นดี หรือหน้าเว็บท่า ในหัวข้อเฉพาะจะได้รับการจัดอันดับที่ดีเป็นพิเศษ



104. อายุของลิงก์กลับ (ลิงก์ที่มีอายุเยอะจะให้คะแนนที่ดีกว่า)



105. อายุ Backlink : สอดคล้องกับสิทธิบัตรของ Google ลิงก์ที่เก่าแก่กว่าจะให้พลังมากกว่าลิงก์ใหม่ ๆ



106. มีลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์จริงๆ (ไม่ใช่เว็บบล็อกเพื่อ SEO)



107. ลิงก์จากเว็บจริง ๆ เทียบกับ Splogs : เนื่องจากการมีบล็อกเน็ตเวิร์คเพิ่มขึ้นจำนวนมาก Google จึงให้น้ำหนักมากกว่าจากลิงก์ที่มาจากเว็บจริง ๆ จากบล็อกปลอม ๆ



108. ลิงก์ที่มาจากหน้า Profile (Facebook Profile)



109. ลิงก์จากประวัติส่วนตัวที่เป็นธรรมชาติ: เว็บที่มีลิงก์ประวัติส่วนตัวเป็น “ธรรมชาติ” จะได้อันดับที่ดีและมั่นคงกว่าในการอัปเดต



110. ไม่ควรแลกลิงก์กันมากเกินไป



111. การแลกเปลี่ยนลิงก์: Google ห้ามทำการแลกเปลี่ยนลิงก์มากเกินไป ซึ่งจะผลเสียต่ออันดับของเว็บไซต์คุณ



112. มีลิงก์กลับที่เขียนขึ้นจากเจ้าของเว็บเอง



113. ลิงก์เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้าง: Google สามารถแยกได้ว่าลิงก์มาจากผู้ใช้หรือเจ้าของสร้าง ตัวอย่างเช่น google รู้ว่าลิงก์ที่มาจากบล็อกทางการของ WordPress.com ที่ en.blog.wordpress.com นั้นจะแตกต่างจากลิงก์จากบล็อกชื่ออื่น ๆ ของ wordpress.com (ตัวอย่างเช่น ******.wordpress.com)



114. ลิงก์กลับมาจากการ 301 Redirect



115. การมี redirect 301 มาที่หน้าที่มากเกินไป อาจส่งผลเสียกับเว็บคุณ

ลิงก์จากหน้า 301: ลิงก์จากหน้า 301 redirects อาจจะเสียพลังไปบ้างเมื่อเทียบกับลิงก์ตรง ๆ อย่างไรก็ดี Matt Cutts บอกว่าลิงก์ 301 นั้นให้ผลคล้ายกับลิงก์ตรง ๆ



116. Anchor Link

anchor text link เป็นสิ่งที่ช่วยให้ google รู้ว่า จะจัดการอันดับให้เว็บด้วยคำว่าอะไร แต่หลัง ๆ ความสำคัญลดลงมากเนื่องจากมีการ spam anchor text link

anchor text ลิงก์ที่เป็นชื่อยี่ห้อ: นั้นสั้น ๆ เรียบง่าย แต่ให้ผลดีอย่างยิ่ง

การทำ anchor text link ให้กับลิงก์ภายในไปยังหน้าเว็บที่เกี่ยวกับคำนั้น ช่วยส่งผลต่อการจัดอันดับ แม้ว่าอาจไม่เหมือนการได้ลิงก์จากเว็บภายนอก



117. คีย์เวิร์ดในหัวข้อ google ชอบลิงก์ที่ anchor text เป็นคำเดียวกับคีย์เวิร์ดในหัวข้อเป็นพิเศษ

Link velocity



118. การที่เว็บเราได้ backlink เพิ่มหรือลด เช่นเว็บคุณได้ backlink อยู่ 1,000 ลิงก์ เมื่อเวลาผ่านไปเว็บคุณได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็น 1,500 ลิงก์ ย่อมหมายถึงเว็บคุณได้รับความนิยม การมี positive link velocity ย่อมเป็นผลดีกับเว็บของคุณ



119. Negative Link velocity

negative link velocity ตรงกันข้ามกับ positive link velocity การที่เว็บของคุณมีจำนวน backlink น้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป หมายถึงการเสื่อมความนิยมของเว็บของคุณ



120. ลิงก์จากเว็บ Authority

ลิงก์จาก “เว็บ authority” จะช่วยเพิ่มพลังให้เว็บคุณมากกว่าเว็บเล็ก ๆ ทั่วไป



121. Shema.org Microformats:

หน้าที่รองรับรูปแบบ microformats อาจได้อันดับดีกว่าหน้าที่ไม่รองรับมัน



122. Link ด้านข้างเว็บไซต์:

ลิงก์ด้านข้างเว็บไซต์: Matt Cutts ยืนยันแล้วว่าลิงก์ด้านข้างเว็บไซต์ที่อยู่ทุกหน้าของเว็บนั้นจะถูก ”นับรวม” เป็นเพียงแค่ลิงก์เดียว



124. Chrome Bookmarks:

bookmark ใน Chrome อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ google ใช้มาช่วยวัดคุณภาพของเว็บ



125. Rich Snippets หรือบทสรุปเนื้อหาเว็บ



126. มีลิงก์กลับจาก Dmoz.org



127. การติด DMOZ: หลายคนเชื่อว่า Google ให้เครดิตกับเว็บที่ติดใน DMOZ ว่าเป็นเว็บที่มีคุณภาพ



128. มีลิงก์กลับเว็บที่มี TrustRank สูง



129. การติดในไดเรกทอรีของ Yahoo!: google น่าจะมี algorithm ที่ให้ความสำคัญกับ Yahoo! Directory ดูจากการเป็นเว็บไดเรกทอรีมาอย่างยาวนาน ไม่แปลกที่เว็บที่ติดในนี้จะได้อันดับที่ดี

มีลิงก์กลับจากหน้าที่มีจำนวนลิงก์ออกน้อย



130. จำนวนของลิงก์ออกในหน้า: PageRank นั้นมีข้อจำกัด ดังนั้นลิงก์บนหน้าที่มีลิงก์ออกเป็นร้อย ๆ ลิงก์ย่อมส่งพลังของ pagerank ต่อไปได้น้อยกว่าหน้าเว็บที่มีลิงก์ออกน้อยกว่าลิงก์ที่มาจากเว็บบอร์ดหรือฟอรั่ม

131. ลิงก์ประวัติส่วนตัวฟอรั่ม: เพราะว่ามีการเพิ่มจำนวนสแปมค่อนข้างมาก Google จึงอาจจะลดความสำคัญของลิงก์จากหน้าประวัติส่วนตัวในฟอรั่มลง



132. มีลิงก์กลับจากหน้าที่มีจำนวนคำมากๆ

จำนวนคำของลิงก์เนื้อหา: ลิงก์จากบทความหนึ่งพันคำย่อมให้ผลดีกว่าลิงก์จากหน้าบทความที่มีเพียง ไม่กี่สิบคำ



133. มีลิงก์กลับจากหน้าที่มีเนื้อหาที่มีคุณภาพ

คุณภาพของลิงก์เนื้อหา: ลิงก์จากหน้าบทความแย่ ๆ อย่างบทความที่อ่านไม่รู้เรื่อง จะไม่ส่งพลังให้มากเหมือนกับหน้าบทความที่มีการเขียนเรียบเรียงอย่างดี



134. Google Toolbar

มีรายงานว่า Google ใช้ข้อมูลทูลบาร์เป็นตัววัดคุณภาพเว็บด้วย อย่างไรก็ตาม จากที่เราเคยรู้มาว่า google เก็บเวลาในการโหลดหน้าเว็บและเว็บนั้นติด แต่ตอนนี้ก็ได้รู้เพิ่มว่า google เก็บข้อมูลของเว็บ



135. เพิ่มจาก toolbar ของตัวเอง



136. Dwell Time

Google ให้ความสนใจอย่างมากกับ “dwell time”: ผู้คนใช้เวลานานเท่าไหร่บนเว็บไซต์คุณเมื่อมาจากหน้าค้นหาของ google บางครั้งสิ่งนี้ก็ถูกเอาไปอ้างอิงถึงเปรียบเทียบ “long clicks” กับ “short clicks”. ถ้าผู้คนใช้เวลาอยู่บนเว็บของคุณนาน ก็หมายถึงเว็บคุณเป็นเว็บคุณภาพ



137. Query Deserves Freshness

Google ให้อันดับที่ดีสำหรับหน้าใหม่ ๆ เนื้อหาใหม่ ๆ ในผลการค้นหา สอดคล้องกับ caffeine algorithm แต่หลัง ๆ ก็โดนลดความสำคัญลง



138.Query Deserves Diversity

Google อาจจะเพิ่มความหลากหลายเข้าไปในผลลัพท์การค้นหาสำหรับคีย์เวิร์ดทั่ว ๆ ไปอย่างเช่นคำว่า “Ted”, “WWF” หรือ “ruby”



139. ลิงก์กลับที่เหมือนกันทุกหน้าจะถูกนับเป็นลิงก์เดียว



140. อัตราการคลิกจากผลการค้นหาสูง (Click Through Rate - CTR



141. อัตราการคลิกสำหรับ Keyword ในหน้าการค้นหา: หน้าที่ได้คลิกมากกว่าจะได้อันดับที่ดีขึ้นใน keyword นั้น



141. มี CTR สูงทุก keyword

อัตราการคลิกสำหรับทุก Keywords: หน้าหรือเว็บไซต์ที่มีอัตราการกดคลิกสูงสำหรับทุก keywords จะถูกจัดอันดับให้ดีขึ้นโดยใช้หลักเกณฑ์ว่ามีคนสนใจมาก ก็น่าจะเป็นหน้าเว็บที่น่าสนใจ

Bounce Rate ต่ำ



141. Direct Traffic สูง มีอัตราการกลับมาอีกครั้งสูง



142. ไม่เป็นเว็บที่โดนผู้ใช้งาน Block เว็บที่ถูกปิดกั้น: Google ไม่ใช่สิ่งนี้แล้วใน Chrome อย่างไรก็ตาม



143. Panda algorithm ใช้คำสั่งนี้ในการตัดสินว่าเป็นเว็บที่มีคุณภาพหรือไม่



144. มีผู้ Bookmarks เว็บเราจำนวนมาก



145. เข้าเว็บด้วย Google Chrome



146. ประวัติการใช้เบราว์เซอร์ของผู้ใช้: เว็บไซต์ที่คุมเยี่ยมชมบ่อย ๆ ในขณะที่คุณเข้าสู่ระบบของ google จะได้รับการจัดอันดับที่ดีสำหรับการค้นหาของคุณ



147. ทราฟฟิกแบบตรง: มีการยืนยันแล้วว่า Google ใช้ข้อมูลจาก Google Chrome เพื่อกำหนดว่ามีหรือไม่มีผู้คนเยี่ยมชมเว็บไซต์ (และเยี่ยมชมบ่อยแค่ไหน) เว็บไซต์ที่มีการเปิดเข้าเว็บโดยตรงจะถูกมองว่าเป็นเว็บคุณภาพดีกว่าเว็บที่ถูกเปิดด้วยวิธีแบบอื่น



148. มี Comments จำนวนมาก

จำนวนความคิดเห็น: หน้าที่มีความเห็นจำนวนมาอาจจะบ่งบอกถึงการตอบสนองของผู้ใช้และคุณภาพของเว็บ



149.ผู้เข้าชมเข้าเว็บเป็นเวลานาน มาดูกันเลย !, และนี่คือผลลัพธ์, แต่ยังไม่หมดเท่านี้, เรื่องจริงๆ แล้วคือ, ส่วนที่ดีที่สุดหรอ ?, แล้วนี่มันหมายถึงอย่างไร ?, มันเกียวยังไงกัน ?, ฉันจะใช้มันได้อย่างไร ? เป็นต้น



150. ระยะเวลาการอยู่ในหน้าเว็บ: หลายคนเชื่อ ในขณะที่อีกหลายคนไม่เชื่อว่าระยะเวลาที่ผู้เยี่ยมชมอยู่ในหน้าเว็บจะส่งผลกับ SEO แต่มันอาจเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ google ใช้ในการจัดอันดับโดยใช้ผู้ใช้ของตัวเอง เป็นตัววัดคุณภาพของหน้าเว็บนั้น ๆ เพราะถ้าหน้าเว็บไม่ดี คนจะรีบกดออกอย่างรวดเร็ว



151. หน้าเพจที่เพิ่งเกิดใหม่จะดีกว่าเสมอ



152. หาก keyword กำกวม Google จะแสดงให้หลากหลายมากที่สุด



153. เว็บถูกเข้าจาก "ประวัติการเข้าชม"



154. ทราฟฟิกซ้ำ: google มองว่าผู้เยี่ยมชมเว็บนั้น ได้กลับมาชมเว็บอีกหรือไม่ เว็บไซต์ที่มีผู้เยี่ยมชมเดิม ๆ เข้ามาซ้ำจะมองว่าเป็นเว็บคุณภาพดี และได้รับการจัดอันดับที่ดี



155. ประวัติการค้นหาก่อนหน้า

ประวัติการค้นหาของผู้ใช้: ผลลัพท์การค้นหาก่อนหน้าจะส่งผลต่อการค้นหาล่าสุด ตัวอย่างเช่นถ้าคุณค้นหา “รีวิว” แล้วค้นหาคำว่า “มือถือ” google จะจัดอันดับเว็บที่มีคำว่า “รีวิว มือถือ” สูงขึ้นในผลการค้นหา



156. Geo Targeting (ตำแหน่งที่อยู่)

Geo Targeting: Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มีไอพีเซิร์ฟเวอร์ในถิ่นที่อยู่แถบนั้นและดอทต่าง ๆ ที่มีประเทศลงท้าย



156. Safe Search (การค้นหาแบบปลอดภัย)

การค้นหาแบบปลอดภัย: การค้นหาแบบปลอดภัยจะปิดกั้นไม่ให้คำหยาบและเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชนมาแสดง



157. Google+ (Social Network ของ Google)

Google+ Circles: Google แสดงอันดับที่สูงสำหรับผู้เขียนและเว็บไซต์ที่เราได้เพิ่มลงในแวดวง Google Plus ของเรา



158. ต้องไม่มีคำร้องเรียน DMCA

การร้องเรียน DMCA: Google จะลดอันดับของหน้าเว็บที่ถูกร้องเรียนเกี่ยวกับ DMCA

กฏความหลากหลายของเว็บ



159. ความหลากหลายของโดเมน: ดูเหมือนว่าจะมี algorithm ที่ชื่อว่า Bigfoot Update ที่จะทำการเพิ่มหน้าโดเมนต่าง ๆ เน้นที่ความหลากหลายในหน้าการค้นหามากขึ้นทำให้ หน้ารอง ๆ ของเว็บอันดับต้น ๆ ได้อันดับดีกว่า หน้าหลักของเว็บรอง ๆ



160. การค้นหาที่เกี่ยวกับการซื้อ-ขาย

การค้นหาคีย์เวิร์ดสินค้า: บางครั้ง Google จะแสดงผลลัพท์สำหรับคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับสินค้าหรือการขายของในรูแบบที่แตกต่างออกไป



161. การค้นหาตามท้องถิ่น

การค้นหาท้องถิ่น: Google มักจะใส่ผลการค้นหาท้องถิ่นของ Google+ Local results ลงในหน้าผลลัพท์การค้นหาทั่ว ๆ ไป



161. Google จะแสดงผลเป็นแบบ News หากเป็นหน้าใหม่

Google News Box: การค้นหาบางคีย์เวิร์ด google อาจจะแสดงผลลัพท์ข่าวของ google ที่เกี่ยวกับคีย์เวิร์ดนั้นในบางครั้ง



162. Brand ชื่อดังจะติดอันดับได้ดีในคำกว้างๆ

ความให้ความสำคัญกับยี่ห้อดัง ๆ: Algorithm ที่ชื่อว่า Vince ที่ถูกเพิ่มขึ้นมาในปี 2009 ไม่ได้ทำให้อันดับเปลี่ยนแปลงมาก แต่มันให้ความสำคัญกับยี่ห้อดัง ๆ โดยทำให้หน้าเว็บยี่ห้อดัง ๆ ติดอันดับในคำที่ niche มากขึ้น



163. Google บางครั้งจะแสดงผลเป็นรูปแบบ Shopping



164. ผลลัพท์สินค้า : บางครั้ง google แสดง ผลลัพท์สินค้า ( Google Shopping results) ในการค้นหา



165. Google มักแสดงผลเป็นรูปแบบ Image



166. ผลการค้นหาแบบรูปภาพ: บางครั้ง Google แทรกผลการค้นหาของเราด้วยผลลัพท์การค้นหารูป ที่ถูกดูมากที่สุดบนการค้นหาแบบรูปภาพ



167. Easter Egg (ของเล่นลับของ Google)

การค้นหาแบบ Easter Egg: Google มีการค้นแบบ Easter Egg อยู่สิบกว่าอย่าง ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณค้นหาคำว่า ”สอนการตลาดออนไลน์” ในการค้นหาแบบรูป ภาพ ผลลัพท์การค้นหาจะกลายเป็นการเริ่มเล่นเกมส์นี้



168. การค้นหาแบบรูปภาพ หาคำว่า “สอนการตลาดออนไลน์”



169. การค้นหาแบบเว็บ “Zerg rush”, “do a barrel roll”, “blink html”

หนึ่งโดเมนสามารถครองได้ทั้งหน้า SERP ถ้าคำตรงกับชื่อ Brand โ

ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 239,568